นิทรรศการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย ได้รับงบประมาณสนับสนุนทุน
จากงบประมาณแผ่นดิน มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี โดยมีคณะวิจัย คือ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทองเจือ เขียดทอง
นิทรรศการดิจิทัลศิลปกรรมกรุงธนบุรีมีการจัดแสดงเพื่อจัดการความรู้สู่ผู้ชม ในลักษณะของภาพลายเส้นในรูปแบบของแผนที่ ที่สอดรับกับแนวความคิดวิถีชีวิตที่เรียบง่ายธรรมดาที่ซ่อนความพิเศษไว้ เมื่อเลือกข้อสืบค้นจากแผนที่ก็จะได้พบกับสื่อต่าง ๆ ที่หลากหลายประกอบคำบรรยายมีทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ภาพพลิก ภาพหมุน ซึ่งได้มาจากภาพกราฟิก ภาพถ่าย ภาพสันนิษฐาน ภาพจำลอง 3 มิติ ที่แปลกใหม่น่าค้นหานิทรรศการดิจิทัลศิลปกรรมกรุงธนบุรีมีแนวความคิดในการออกแบบว่า “ธนบุรี วิถีศิลป์” ด้วยศิลปกรรมมีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คน สถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติสุข จึงส่งผลสะท้อนให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปบ้างจากศิลปะที่รับมาจากกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยสามารถจัดหมวดหมู่ของศิลปกรรมกรุงธนบุรีเป็น 3 กลุ่ม
หลังจากที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ตากสินมหาราชได้ทรงกอบกู้บ้านเมือง ระบบราชสำนักก็ได้สูญสิ้นไปกับสงคราม พระองค์ทรงสถาปนากรุงธนบุรีเมื่อ พ.ศ.2310 และปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2311 จึงต้องรวบรวมนักปราชญ์ราชบัณฑิต ตามกฎมณเฑียรบาลกฎหมายตราสามดวง แนวปฏิบัติราชการต่าง ๆ อีกทั้งรวบรวมช่างผู้มีฝีมือที่หลงเหลือจากการกวาดต้อนของพม่ามาร่วมกันสร้างสรรค์ศิลปกรรม เพื่อให้มีครบถ้วนตามขนบประเพณี และคงความประณีตสวยงามที่พอเหมาะพอสม กับสถานการณ์บ้านเมืองที่เพิ่งรอดพ้นจากภาวะสงครามด้วยงบประมาณที่จำกัด เวลาที่เร่งรีบ วัสดุที่หายาก ช่างฝีมือที่เหลืออยู่น้อย จึงก่อให้เกิดวิถีศิลปะอาณาจักร ราชสำนักที่เรียบง่าย ด้วยพระองค์ทรงเป็นทั้งนักรบที่ยิ่งใหญ่และเป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์ ศิลปกรรมกรุงธนบุรีจึงเป็นศิลปะ “เพื่อชีวิตและบ้านเมือง” จนอาจกล่าวได้ว่ากรุงธนบุรีแห่งนี้คือ “พอดีนคร” โดยมีงาน ศิลปกรรมที่นำเสนอในกลุ่มนี้ เช่น
จากการฟื้นฟูบ้านเมืองให้กลับคืนสู่ความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง หากแต่การสร้างบ้านเมืองในคราวนี้ เป็นการสร้างขึ้นบนพื้นฐานแห่งความพอดี ด้วยข้อจำกัด ประกอบกับบุคลิกภาพของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่วางพระองค์แบบพ่อปกครองลูก พระองค์ยังทรงใส่พระทัยในด้านพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังเปิดกว้างให้กับศาสนาอื่นๆ ด้วยมีการสร้างโบสถ์คริสต์ กุฎีอิสลาม วัดจีนและวัดญวน ทรงดำริให้มีการซ่อมแซมบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆที่ทรุดโทรม ภายหลังการฟื้นตัวจากสงคราม ส่งผลให้การออกแบบสร้างสรรค์ งานศิลปกรรมแขนงต่างๆ ยังคงได้รับอิทธิพลจากสมัยกรุงศรีอยุธยา
การบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามถือว่ามีความสำคัญ ในฐานะจุดเชื่อมต่อของยุคสมัยของงานศิลปะไทย รูปแบบดั้งเดิมเอาไว้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะสร้างสรรค์และพัฒนาใหม่ ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตามวิถีชีวิตของชาวสยามในสมัยนั้น ที่ยังคงยึดมั่นในพระศาสนาและสร้างสรรค์ศิลป์เพื่อศาสนา โดยมีผลงานศิลปกรรมที่นำเสนอในกลุ่มศาสนา เช่น
ภายหลังการสถาปนากรุงธนบุรี เมืองหลวงอันมีที่ตั้ง อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ภาษาและ คนไทยดั้งเดิมจากกรุงศรีอยุธยา ต่างเดินทางเข้ามาเพื่อสร้างบ้านเรือนรวมกับชาวเมืองบางกอกเดิม ทั้งเรือนริมน้ำและเรือนแพ ประกอบสัมมาอาชีพ โดยหวังว่าจะสร้างชีวิตใหม่ ที่ฟื้นตัวจากสงคราม หากแต่ผู้คนเหล่านี้ ยังไม่ลืมที่จะนำเอาสุนทรียภาพและการสร้างสรรค์ทางศิลปะ มาประยุกต์ใช้กับวิถีชีวิตที่เกี่ยวโยงกับธรรมชาติและความเชื่อ ผ่านข้าวของเครื่องใช้ นอกจากนี้ยังสะท้อนผ่านผลงานวรรณกรรม มโหรสพและการละเล่นในเทศกาลงานพิธีสำคัญต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นถึง การนำเอาความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะ มาประยุกต์ใช้กับวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ ณ กรุงธนบุรีแห่งนี้ เสมือนการสร้างสมดุลและสร้างเอกลักษณ์ ที่นำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของกรุงธนบุรี ศิลปกรรมที่นำเสนอในกลุ่มเช่น
ศิลปะทั้ง 6 แขนง จัดหมวดหมู่ได้ 3 หมวด และจัดนิทรรศการในรูปแบบของแผนที่ ให้ค้นหากันต่อไป
ศิลปกรรมกรุงธนบุรี หมายถึง งานศิลปะประเภทต่างๆ ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม ประณีตศิลป์และประยุกต์ศิลป์ มหรสพและการดนตรี ที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้น ระหว่างสมัยที่กรุงธนบุรีเป็นราชธานี ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือพระเจ้าตากสินมหาราช และจัดหมวดหมู่เป็นศิลปะที่เกี่ยวข้องกับราชสำนัก ศาสนา และชาวบ้าน